รายงานสถานการณ์ยางธรรมชาติ ประจำเดือนมกราคม - กุมภาพันธ์ 2568
เศรษฐกิจโลกยังเผชิญกับความไม่แน่นอนเรื่องนโยบายการค้าเพิ่มแรงกดดันต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยุโรป จีน และโลกโดยรวม ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนยังมีความเสี่ยงที่จะรุนแรงขึ้นได้อีกในระยะถัดไป รวมถึงยังมีความไม่แน่นอนจากนโยบายการค้าของประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” ต่อประเทศ อื่นๆ รวมถึงไทย ซึ่งนับเป็นประเด็นท้าทายที่สำคัญต่อทิศทาง และแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจไทยในปีนี้ ส่วนการเติบโตของจีนโดยรวมยังพึ่งพามาตรการกระตุ้น ขณะที่การใช้จ่ายช่วงเทศกาลตรุษจีนน่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้บางส่วน ซึ่งจากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนที่การสนับสนุนให้ผู้บริโภคเปลี่ยนสินค้าเก่าเป็นสินค้าใหม่นั้น ส่งผลให้การบริโภคเพิ่มขึ้นมากกว่า 1% และจีนความพยายามที่จะยกระดับการบริโภค และการขยายโครงการแลกเปลี่ยนสินค้าขณะที่เร่งผสานการพัฒนาการค้าภายในประเทศและการค้าระหว่างประเทศ พร้อมเตรียมขยายโครงการดังกล่าวต่อไปในปี 2568 ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรมการผลิต (Manufacturing Purchasing Manager Index (PMI)) เดือนมกราคมเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 51.2 จาก 49.4 ในเดือนก่อนหน้า และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯ (Consumer Confidence Index: CCI) ปรับตัวลดลงจากเดิม 104.7 ในเดือนธันวาคม 2567 เป็น 104.1 ในเดือนมกราคม 2568
เศรษฐกิจไทยในปี 2568 มีแนวโน้มขยายตัวได้ที่ 2.4-2.9% โดยเศรษฐกิจไทยยังอาศัยภาคการท่องเที่ยวเป็นเครื่องยนต์หลัก ในเดือนมกราคม 2568 มีอัตราเงินเฟ้อทั่วไป (Headline Inflation) ที่สูงขึ้นร้อยละ 1.32 (YoY) ในเดือนนี้ โดยปัจจัยหลักมาจากการสูงขึ้นของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งเป็นผลจากฐานราคาต่ำในปีที่ผ่านมา ประกอบกับราคาสินค้าในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มปรับตัวสูงขึ้น เศรษฐกิจไทยยังเผชิญกับแรงกดดันจากปัจจัยภายนอก ทั้งความขัดแย้งทางการค้าของสหรัฐฯ กับจีน และยังมีความไม่แน่นอนจากของนโยบายทรัมป์ 2.0 สำหรับเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) (เงินเฟ้อทั่วไป เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออก) ขยายตัวร้อยละ 0.83 (YoY) อย่างไรก็ตาม ต้องให้ความสำคัญกับการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทย เช่น เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการและก้าวทันกระแสโลกและลดอุปสรรคในการทำธุรกิจ แก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างเป็นระบบ
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวมเดือนมกราคม 2568 อยู่ที่ระดับ 51.5 โดยปรับตัวลดลงมาเล็กน้อยจากระดับ 51.6 ในเดือนก่อนหน้า สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในปัจจุบัน ปรับลดลงมาอยู่ที่ ระดับ 43.8 จากระดับ 43.9 โดยปัจจัยที่ส่งผลให้ผู้บริโภคยังมีความเชื่อมั่นมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ ช้อปลดหย่อนภาษี (Easy E-Receipt 2.0) และลดค่ากระแสไฟฟ้า เป็นต้น การจัดกิจกรรมต่างๆ ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายและเพิ่มรายได้ให้กับกลุ่มธุรกิจบริการ
สรุปภาพรวมการค้าระหว่างประเทศของไทย เดือนมกราคม 2568 ส่งออกมูลค่า 25,227.0 ล้านเหรียญสหรัฐ (862,367 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2567 ร้อยละ 13.55 และเพิ่มขึ้นจากเดือนธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา ร้อยละ 2.06 ขณะที่นำเข้ามีมูลค่า 27,157.17 ล้านเหรียญสหรัฐ (938,112.01 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2567 ร้อยละ 7.88 และเพิ่มขึ้นจากเดือนธันวาคม 2567 ที่ผ่านมาร้อยละ 9.61 ไทยขาดดุลการค้ามูลค่า 1,880.21 ล้านเหรียญสหรัฐ (ขาดดุล 75,745.45 ล้านบาท) (อ้างอิง: สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ *ข้อมูลเบื้องต้น ปี 2568)
พลังงาน (น้ำมัน) : สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2568 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.07 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 427.9 ล้านบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบยังมีแนวโน้มปรับเพิ่ม หลังตลาดยังคงกังวลเกี่ยวกับอุปทานที่ปรับลดลงจากเหตุการณ์ที่ยูเครนส่งโดรนโจมตีท่อส่งนํ้ามัน Caspian Pipeline Consortium (CPC) ในรัสเซีย ซึ่งส่งผ่านนํ้ามันดิบจากคาซัคสถานไปยังตลาดโลก อีกทั้งตลาดกังวลผลกระทบจากการขึ้นกำแพงภาษีนำเข้าแคนาดา เม็กซิโก และจีน ที่อาจจะส่งผลให้เกิดสงครามการค้าระหว่างประเทศ หลังสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ (The Conference Board: CB) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐฯ ปรับตัวลงสู่ระดับ 104.1 ในเดือนมกราคม 2568 จาก 109.5 ในเดือนธันวาคม 2567 ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์เมื่อวันที่ 19 ก.พ. 2568 ที่ผ่านมา อยู่ที่ระดับ 72.25 และ 76.04 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ตามลำดับ
ยางพารา: ในเดือนมกราคม 2568 ราคายาง ณ สำนักงานตลาดกลางยางพาราจังหวัดสงขลา ราคายางภายในประเทศภาพรวมมีการปรับเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับราคาตลาดล่วงหน้าต่างประเทศ ซึ่งนักลงทุนมองแนวโน้มเศรษฐกิจจีนและอุปสงค์น้ำมันในทิศทางบวก โดยราคายางในตลาดสิงคโปร์ (SICOM-STR20) ราคาเฉลี่ย 193.26 เซนต์ต่อกิโลกรัม ทั้งนี้ ไทยมีปริมาณส่งออกยางธรรมชาติเดือนมกราคม 2568 จำนวน 402,981 ตัน คิดเป็นมูลค่าการส่งออก 2.76 หมื่นล้านบาท ส่วนยางล้อในเดือนมกราคม 2568 ไทยส่งออกยางล้อ 12.4 ล้านเส้น คิดเป็นมูลค่าการส่งออก 2.08 หมื่นล้านบาท
กลุ่มยานยนต์: สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) จำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือนธันวาคม 2567 มีทั้งสิ้น 104,878 คัน ลดลงจากเดือนธันวาคม 2566 ร้อยละ 17.37 ผลิตเพื่อส่งออกในเดือนธันวาคม 2567 ผลิตได้ 67,203 คัน เท่ากับร้อยละ 64.08 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนธันวาคม 2566 ร้อยละ 9.47 และผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศในเดือนธันวาคม 2567 จำนวน 37,675 คัน เท่ากับร้อยละ 35.92 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนธันวาคม 2566 ร้อยละ 28.50 ส่วนยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนธันวาคม 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 54,016 คัน เพิ่มขึ้นพฤศจิกายน 2567 ร้อยละ 27.67 แต่ลดลงจากเดือนธันวาคม 2566 ร้อยละ 20.94 และยอดผลิตรถยนต์ตั้งแต่เดือนมกราคม - ธันวาคม 2567 มีจำนวนรวม 1,468,997 คัน ลดลง 19.95% จากปี 2566
หมายเหตุ: ข้อมูลต่างๆ ที่ปรากฏ เป็นข้อมูลที่ได้จากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย ซึ่งได้นำมารวบรวมและวิเคราะห์ประมวลผล ทั้งนี้ การเผยแพร่ข้อมูลเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลแก่ผู้สนใจเท่านั้น โดยสมาคมยางพาราไทย จะไม่รับผิดชอบในความเสียหายใดใดที่อาจเกิดขึ้นจากการที่มีบุคคลนำข้อมูลนี้ไปใช้ไม่ว่าโดยทางใด
|