|
รายงานสถานการณ์ยางธรรมชาติ ประจำเดือนกันยายน 2568
เศรษฐกิจโลก
ภาพรวมเศรษฐกิจโลกในเดือนกันยายน 2568 เศรษฐกิจโลกยังคงเผชิญแรงกดดัน การยกระดับสงครามการค้าของทรัมป์อาจสร้างแรงกดดันเพิ่มเติมต่อเศรษฐกิจโลก ส่วนด้านจีนเผชิญแรงกดดันจากทั้งฝั่งอุปสงค์และอุปทาน ล่าสุดธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ได้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25% จากระดับ 4.25-4.5% เป็น 4-4.25% ซึ่งถือเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งแรกในปี 68 และยอมรับตลาดแรงงานเผชิญความเสี่ยงสูงขึ้น ซึ่งคาดว่าจะมีการปรับลดอีก 2 ครั้งในปี 68 อย่างไรก็ตาม การร่วงลงของความเชื่อมั่นและการชะลอตัวอย่างชัดเจนของตลาดแรงงาน รวมทั้งผลกระทบจากการขึ้นภาษีนำเข้าคาดว่าจะส่งผลเชิงลบมากขึ้นต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง การส่งออกของไทยในเดือนสิงหาคมชะลอลงชัดเจน หลังจากเริ่มมีการบังคับใช้อัตราภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯที่ 19% ตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม โดยการส่งออกไปตลาดสหรัฐฯเติบโตเหลือเพียง 12.8% YoY ขณะเดียวกันเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นในเดือนสิงหาคมยังทำให้มูลค่าส่งออกในรูปเงินบาทหดตัวต่อเนื่อง ทั้งนี้ ในระยะสั้น รัฐบาลได้เตรียมดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง รวมถึงสนับสนุนการใช้จ่ายและการท่องเที่ยวภายในประเทศ เพื่อช่วยพยุงการฟื้นตัวของอุปสงค์ภายในประเทศและบรรเทาผลกระทบจากการชะลอตัวของภาคส่งออก
สภาพอากาศ
ในเดือนกันยายน 2568 พื้นที่ส่วนใหญ่มีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกมากที่สุดในรอบปี จากอิทธิพลของร่องมรสุมที่พาดผ่านบริเวณตอนกลางของประเทศและมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยโดยจะมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60–80 ของพื้นที่เป็นส่วนใหญ่ กับจะมีฝนตกหนักหลายพื้นที่และหนักมากในบางแห่ง ซึ่งก่อให้เกิดสภาวะน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก รวมทั้งน้ำล้นตลิ่งหลายพื้นที่ นอกจากนี้อาจได้รับอิทธิพลจากพายุเขตร้อนเคลื่อนเข้ามาสลายตัวใกล้หรือเข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง โดยเฉพาะบริเวณทางด้านตะวันออกของประเทศ
ยางพารา
ในเดือนกันยายน 2568 สถานการณ์ยางพาราในประเทศไทยราคายังมีความผันผวน ภาพรวมราคาเฉลี่ยลดลงจากเดือนก่อนหน้า โดยปัจจัยที่ส่งผลกระทบจากความไม่แน่นอนทางการเศรษฐกิจและการค้าโลก โดยเฉพาะสหรัฐฯ และจีน โดยราคาเฉลี่ยของเดือนกันยายน 2568 ราคาน้ำยางสด (ณ โรงงาน) อยู่ที่ 55.70 บาทต่อกิโลกรัม ยางแผ่นดิบ (ท้องถิ่น) 55.64 บาทต่อกิโลกรัม และยางแผ่นรมควันชั้น 3 (FOB) อยู่ที่ 68.36 บาทต่อกิโลกรัม โดยราคายางแผ่นดิบ และยางแผ่นรมควันชั้น 3 ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้า แต่ในขณะเดียวกันราคาน้ำยางสด (ณ โรงงาน) กลับปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ในเดือนสิงหาคม 2568 ส่งออกยางพารา 3.50 แสนตัน (-2.56% MoM) เป็นมูลค่า 2.05 หมื่นล้านบาท (-6.63% MoM) เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ร้อยเอก ธรรมนัส กล่าวว่าจะเดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายด่วนภายในระยะเวลา 4 เดือนต่อเนื่องที่เคยดำเนินการมาซึ่งจะเน้นให้ความสำคัญไปที่การแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ปัญหาเรื่องการปราบปรามสินค้าเกษตรเถื่อนที่นำเข้าผิดกฎหมาย ส่วนการแก้ไขปัญหาราคายางตกต่ำที่จะมีนโยบายทำให้ราคายางพุ่งไปถึงตัวเลข 3 หลักนั้น ในวันที่ 2 ตุลาคม 2568 หลังจากแถลงนโยบายต่อรัฐสภา และมอบนโยบายต่อข้าราชการกระทรวงเกษตรฯแล้ว ทางกระทรวงฯ จะมีการลงนามบันทึกข้อตกลงระหว่างการยางแห่งประเทศไทย กระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงต่างๆเพื่อรับซื้อผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์จากการยางแห่งประเทศไทย รวมไปถึงให้หน่วยงานในสังกัดที่มีการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับยางพารา จะต้องใช้ผลิตภัณฑ์ยางของการยางแห่งประเทศไทยทั้งหมด ตลอดจนจะมีการขยายตลาดยางไปสู่ต่างประเทศ ซึ่งตนจะเดินทางไปเจรจากับประเทศผู้ค้าสำคัญ โดยเฉพาะประเทศจีน ย้ำว่าภายในกรอบระยะเวลา 4 เดือนสินค้าเกษตรในภาพรวมจะต้องมีราคาเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน และล่าสุดการยางแห่งประเทศไทย(กยท.) ได้ออกโครงการสนับสนุนการปลูกแทนสวนยางพารา ปีงบประมาณ 2569 เปิดรับสมัครตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2568 – 31 มีนาคม 2569 โดยปลูกแทนด้วย ยางพันธุ์ดี : จากเดิม 16,000 บาท/ไร่ ปรับเป็น 20,000 บาท/ไร่ สุดท้ายนี้ คณะกรรมาธิการยุโรปกำลังพิจารณาเลื่อนการบังคับใช้กฎระเบียบการตัดไม้ทำลายป่าของสหภาพยุโรป (EUDR) เป็นครั้งที่สอง โดยเลื่อนวันเริ่มต้นจากวันที่ 30 ธันวาคม 2025 ไปเป็นช่วงปลายปี 2026 อย่างไรก็ตาม การเลื่อนดังกล่าวยังคงต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐสภายุโรปและประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป ดังนั้นในขั้นนี้ยังไม่มีข้อสรุปที่เป็นทางการ โดยสาเหตุของการเลื่อนมีรายงานว่าเกิดจากความกังวลเกี่ยวกับความพร้อมของแพลตฟอร์ม IT ที่จะใช้จัดการข้อมูลการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ ซึ่งอาจสร้างความไม่แน่นอนและความท้าทายด้านการดำเนินงานทั้งต่อหน่วยงานและภาคธุรกิจ
ราคาน้ำมันดิบ WTI & Brent
ราคานํ้ามันดิบยังคงถูกกดดัน มีความผันผวนจากปัจจัยหลายประการ โดยช่วงต้นเดือนได้รับแรงกดดันจากการเพิ่มกำลังการผลิตของ OPEC+ ขณะที่ช่วงกลางเดือนราคากลับพุ่งขึ้นจากความกังวลเรื่องอุปทานจากเหตุการณ์โจมตีโครงสร้างพื้นฐานพลังงานของรัสเซียโดยยูเครนและสถานการณ์ที่อิรักประสบปัญหาอุปทาน อย่างไรก็ตาม ปลายเดือนราคาน้ำมันเริ่มปรับลดลงเนื่องจากตลาดกังวลเรื่องอุปทานที่เพิ่มขึ้นและการชะลอตัวของเศรษฐกิจสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยตัวเลข นํ้ามันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 19 ก.ย. 68 ปรับลดลง 0.61 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 414.8 ล้านบาร์เรล
หมายเหตุ: ข้อมูลต่างๆ ที่ปรากฏ เป็นข้อมูลที่ได้จากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย ซึ่งได้นำมารวบรวมและวิเคราะห์ประมวลผล ทั้งนี้ การเผยแพร่ข้อมูลเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลแก่ผู้สนใจเท่านั้น โดยสมาคมยางพาราไทย จะไม่รับผิดชอบในความเสียหายใดใดที่อาจเกิดขึ้นจากการที่มีบุคคลนำข้อมูลนี้ไปใช้ไม่ว่าโดยทางใด
|